ต่อมพาราไทรอยด์ (Parathyroid gland )
มีขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียว มีจำนวน 4 ต่อม ฝังอยู่ด้านหลังของต่อมไทรอยด์ข้างละ 2 ต่อม เป็นต่อมไร้ท่อที่สำคัญต่อชีวิตของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ไม่พบในปลา และสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ฮอร์โมนที่สร้างจากต่อมนี้คือ parathormone
ฮอร์โมนจากต่อมพาราไทรอยด์
1. พาราทอร์โมน (Parathormone) เป็นฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ควบคุมระดับแคลเซียมและฟอสฟอรัสในเลือด และเนื้อเยื่อให้ปกติ ช่วยให้ไตและลำไส้เล็กดูดแคลเซียมกลับคืนได้มากขึ้น โดยทำงานร่วมกับวิตามิน ซี และ ดี ทำหน้าที่ควบคุมแคลเซียม กับ Calcitonin
หน้าที่ของฮอร์โมนพาราทอร์โมน
รักษาระดับสมดุลของแคลเซียมและฟอสฟอรัสในร่างกายให้คงที่ คือ 10 mg/เลือด 100 c.c.
โดยทำงานตรงข้ามกับแคลซิโทนิน คือ ละลายแคลเซียมและฟอสฟอรัสจากกระดูกเข้าสู่กระแสเลือด
ความผิดปกติของฮอร์โมนพาราทอร์โมน
1.กรณีระดับฮอร์โมนต่ำเกินไป จะเกิดสภาวะ เรียกว่า ไฮโปพาราไทรอยดิสซึม
( hypoparathyroidism) ทำให้การดูดแคลเซียมกลับที่ท่อของหน่วยไตลดน้อยลง มีฟอสฟอรัสมากขึ้น ทำให้เกิดตะคริวชักกระตุก กล้ามเนื้อเกร็ง เรียกการเกิดนี้ว่า tetany แก้โดย ลดอาหารที่มีฟอสฟอรัสสูงๆ และเพิ่มแคลเซียมหรือฉีดวิตามิน D
2. กรณีที่มีฮอร์โมนสูงเกินไป จะเกิดสภาวะที่เรียกว่าไฮเปอร์พาราไทรอยด์ดิสซึม (Hyperparathyroidism) มีผลให้มีการดึงฟอสฟอรัสออกจากเลือด แคลเซียมถูกดึงออกจากกระดูกและฟันเข้าสู่กระแสเลือด แคลเซียมในเลือดสูงกว่าปกติ กระดูกผิดปกติ กระดูกบาง ฟันหักและผุง่าย
รูปที่ 3-10 ภาพ ก- ข เป็นการควบคุมสมดุลของแคลเซียม ( Ø หมายถึงการยับยั้ง )
ภาพ ก. ควบคุมโดยแคลซิโทนิน ภาพ ข. ควบคุมโดยพาราทอร์โมน
ที่มา : ชีววิทยา เล่ม 3 สสวท : 80
วิธีป้องกันไม่ให้กล้ามเนื้อเกิดการเกร็งและชักกระตุก อาจทำได้โดยเลือกกินอาหาร ที่มีฟอสฟอรัสน้อย หรือเพิ่มเกลือแคลเซียม หรือกินวิตามิน D สม่ำเสมอ เพื่อทำให้ลำไส้เล็กสามารถดูดแคลเซียมกลับได้ดีขึ้น(วิตามิน D ทำงานร่วมกับฮอร์โมนพาราทอร์โมน)
ฮอร์โมนพาราทอร์โมน จะทำงานร่วมกับคัลซิโตนิน เพื่อรักษาระดับสมดุลของ แคลเซียม
และฟอสฟอรัสในร่างกายให้คงที่ โดยแคลซิโทนินจะช่วยลด แคลเซียมไอออน ในเลือดแต่
พาราทอร์โมนช่วยเพิ่ม แคลเซียมไอออนในน้ำเลือด
ถ้าร่างกายขาดพาราทอร์โมน จะทำให้ตายในระยะเวลาอันสั้น ถือว่าเป็นฮอร์โมนที่สำคัญต่อ
ชีวิตมาก เนื่องจากมีผลต่อการทำงานของหัวใจ การทำงานของกล้ามเนื้อ และการส่งกระแสประสาท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น